REVIEW :: แกะกล่องรีวิว สกินแคร์แบรนด์ใหม่ อ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ

สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ ทุกคน วันนี้แจนก็มีผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ที่อยากมาแนะนำกันค่ะ
 ต้องบอกก่อนเลยว่า แจนเองก็รู้จักกับแบรนด์นี้มาซักพักใหญ่ๆ แล้ว 
หลังจากตามบล็อคเกอร์ฝั่งเมืองนอกมาหลายคน ทั้งตัวโทนเนอร์และเซรั่มทำให้อยากลองใช้ วันนี้เลยขอมารีวิวหลังจากที่ลองใช้ + แกะกล่อง มาให้ได้ดูกันค่ะ กับ 2 ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว จาก Ella Baché  ว่าแต่จะเป็นยังไง ช่วยให้ผิวฟูได้สมคำร่ำลือไหม มาดูกันเลยค่ะ



เป็น 2 ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวตัวดังของ Ella Baché เป็นแบรนด์จากประเทศฝรั่งเศส ซึ่งตัวฮิตๆ ของแบรนด์นี้เลยจริงๆ มีหลายตัวมาก แต่ที่จะมารีวิวในวันนี้เป็น โทนเนอร์มะเขือเทศ และเซรั่มที่ช่วยฟื้นฟูและบำรุงผิวที่เข้มข้น ช่วยปรับสมดุลให้กับผิว เหมาะกับคนผิวอ่อนแอ ผิวขาดน้ำโดยตรงเลยค่ะ 

Ella Baché Tomato Radiance Toner 


เริ่มกันที่ตัวแรก เป็นโทนเนอร์ที่สกัดจากผิวและเมล็ดของมะเขือเทศออแกนิค เป็นโลชั่นสูตรน้ำ ที่มีคุณสมบัติ จะเป็นเรื่องมอบความชุ่มชื้น พร้อมคืนความสมดุลให้กับผิว ด้วยค่า PH BALANCE  ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ และด้วยความที่เป็นสารสกัดจากมะเขือเทศก็จะช่วยในเรื่องผิวกระจ่างใสด้วย  เรียกง่ายๆ ว่า เป็นโทนเนอร์ที่ช่วยเตรียมผิวของเราให้ได้รับการบำรุงในขั้นตอนต่อไปได้ดีขึ้นค่ะ  



ที่อ่านมาโทนเนอร์ตัวนี้เค้าปราศจากสารที่เป็นอันตรายต่อผิวเราด้วย ไม่ว่าจะเป็น Parabens ,Silicones ,Mineral Oils ,Colorant คือ 0% เลย คนผิวแพ้ง่ายก็สามารถใช้ได้ หายห่วงเลยค่ะ



ส่วนประกอบหลักๆ ตามที่อ่านมาคือ 
แล็คติก โปรไบโอติกหรือที่เรียกว่าโปรไบโอสกิน ปกป้องผิวและคืนความสมดลุ ให้กับผิว
 ไลโคปีน  สามารถยับยั้ง หรือชะลอการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดอนุมูลอิสระ ตัวนี้จะช่วยในเรื่องริ้วรอยโดยตรงเลยค่ะ
 สารสกัดจากเห็ดขาว ปรับผิวให้เรียบเนียนและช่วยให้สีผิวสม่ำเสมอ


วิธีใช้ :: หยดโทนเนอร์ลงบนสำลีแล้วเช็ดเบาๆ ความพิเศษของโทนเนอร์ตัวนี้คือ สามารถใช้ได้หลายแบบเลย
1
.ตอนเย็น - เทโทนเนอร์ลงบนแผ่นสำลี เช็ดเบาๆทั่วหน้า
2
.ตอนเช้า - เทโทนเนอร์ลงบนฝ่ามือ ใช้นิ้วแตะโทนเนอร์แล้วนวดวนทั่วผิวหน้าเพื่อช่วยให้ผิวแข็งแรงและปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
3
.ระหว่างวัน  - เทโทนเนอร์ลงในขวดสเปรย์ ฉีดให้ทั่วใบหน้า


หลังใช้:: ส่วนตัวแจนเป็นคนผิวผสมที่ไปทางค่อนข้างมัน เป็นสิวอุดตันบ่อยๆ ทำให้เวลาแต่งหน้า ตกบ่ายก็เริ่มเยิ้มแล้ว แต่พอเซตด้วยโทนเนอร์ คือช่วยให้เซตเมคอัพได้ดีขึ้นด้วย ผิวไม่ค่อยมันเพิ่ม ตัวโทนเนอร์มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ทำให้สดชื่นเวลาฉีดระหว่างวันด้วย โดยรวมทำได้ดีเลยค่ะ 
หลังเช็ดตอนเย็น คือรู้สึกว่าสิวอุดตันก็ไม่ค่อยขึ้น แถมช่วยให้รอยสิวจางเร็ว รูขุมขนกระชับขึ้นด้วยค่ะ 

          โดยรวมให้ 8/10 เลย คือไม่รู้สึกผิวแห้ง มีความแตกต่างจากโทนเนอร์ที่เคยใช้มา และกลิ่นหอมอ่อนๆ ทำให้รู้สึกสดชื่นเวลาฉีด 

Ella Baché  SERUM MAGISTRAL HYDRA CELLULAR 6.7%


ตัวต่อมาจะเป็นเซรั่ม ที่มีคุณสมบัติในด้าน Moisturizing+ Plumping + Brightening คือช่วยทั้งผิวชุ่มชื้น ผิวดูฟู อิ่มเอิบ และช่วยเรื่องริ้วรอย เห็นความเปลี่ยนแปลงได้ใน 3 วันเลยค่ะ

1. X3 moisturizer : เติมความความชุ่มชื้นถึงเซลล์ผิว พร้อมกักเก็บความชุ่มชื้น
 2. Plump skin : ผิวอิ่มน้ำเต่งตึง ผิวดูขุมขนกระชับ ริ้วรอยดูตื้นขึ้น
3. Brightening : ปรับผิวหน้าให้กระจ่างใส


แกะกล่องออกมาก็จะเป็นเซรั่มในรูปแบบขวดแก้ว Dropper 20 ml



ส่วนประกอบหลักของเซรั่มตัวนี้จะเป็น
1. HYALURONIC ACID WITH MEDIUM MOLECULAR WEIGHT : ช่วยเติมความชุ่มชื้นกับผิว
 2. ELLA BACHÉ HYDRACELL COMPLEX : สารอาหารพิเศษในผลิตภัณฑ์ที่ทำงาน 2 ขั้นตอน
 • เตมิความชุ่มชื้นถึงระดับเซลล์ผิว Natural moisturizingfactors (NMF) + NAG-6-P («preactivated » sugar) พร้อมรักษาเก็บความชุ่มชื้น ป้องกันผิวสูญเสียความชุ่มชื้น Biotechnological polysaccharide
 3. APPLE POLYPHENOLS : ปกป้องผิวจากมลภาวะ พร้อมปรับสีผิวให้กระจ่างใส


ลักษณะเนื้อเซรั่ม :: เนื้อเซรั่มจะค่อนข้างเข้มข้น แต่เกลี่ยง่าย ซึมซาบไว ไม่รู้สึกว่าเหนอะหนะผิวเลยค่ะ ลักษณะผิวหลังทา จะมีความนุ่มชุ่มชื้นแบบสุขภาพดี  ใครที่ผิวแห้งมากๆ ลงตัวนี้ก่อน หรือผสมรองพื้นช่วยให้ผิวได้ลุคโกลวๆ เลยค่ะ 


วิธีใช้ :: หยดเซรั่ม 1-2 หยด แล้วลูบเบาๆ ให้ทั่วใบหน้าใช้หลังจากที่เช็ดด้วยตัวโทนเนอร์ 


หลังใช้คือ ผิวชุ่มชื้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลย ผิวดูกระชับขึ้น ลงก่อนเมคอัพคือช่วยให้แต่งหน้าง่าย พวกเมคอัพติดผิวดีขึ้น เวลาลงรองพื้นก็ไม่เป็นคราบด้วย ช่วยเรื่องกระจ่างใสนิดๆ ให้อารมณ์เหมือนผิวสุขภาพดีแบบไม่ขาวไวเว่อร์ อะไรแบบนี้ 



เทียบสภาพผิวก่อน- หลังจากใช้ สังเกตุขึ้นผิวดูฟูขึ้น รอยสิวจางลง แถมปัญหาผิวลอกบริเวณจมูกก็หายไปเลยค่ะ คือผิวดีขึ้น  ดูความเนียนละเอียดขึ้น โดยรวมคือจะเน้นเรื่องผิวสุขภาพดี ดูชุ่มชื้นหน่อยๆ  ส่วนตัวคิดว่า คนผิวมันก็ใช้ได้ค่ะ ด้วยความที่ตัวเซรั่มเนี่ยให้ความชุ่มชื้นกับผิว เลยทำให้ผิวของเราไม่ขาดน้ำ ผิวเลยไม่ผลิตน้ำมันมาเคลือบผิว ผลก็คือหน้าของเราจะชุ่มชื้นแต่ไม่มันเยิ้ม คนผิวมันก็ใช้ได้ และเนื้อเซรั่มที่ออกไปทางน้ำนมหน่อยๆ ก็ไม่ค่อยเหนอะหนะผิวด้วย 


สรุป หลังใช้ต่อเนื่องกัน สภาพผิวดีขึ้น  ให้ 8.5/10 เลย ถือเป็นสกินแคร์ดูแลผิวที่เหมาะกับช่วงนี้เลย คือช่วยเรื่องผิวกระจ่างใส รอยสิวจางลง ที่สำคัญตัวสกินแครอ่อนโยนต่อผิว ทำให้คนเป็นสิวก็ใช้ได้ แต่ อาจจะมีเรื่องของน้ำหอมในโทนเนอร์ คนแพ้ง่ายอาจลองเทสก่อนใช้ก็ได้ค่ะ ส่วนตัวเราเป็นคนผิวแพ้ง่าย ก็ไม่แพ้นะ  


ใครที่มองหาสกินแคร์ที่ช่วยฟื้นฟูและบำรุงผิวไปในตัวสำหรับคนผิวแพ้ง่าย 2 ตัวนี้คือเหมาะมาก

 แต่ถ้าให้เลือกตัวใดตัวหนึ่งจริงๆ
 ขอเทใจให้โทนเนอร์ คือนางชนะเลิศจริงๆ ไม่ทำให้ผิวแห้ง เทใส่ขวดเสเปรย์ไว้ใช้ฉีดระหว่างวันได้ ช่วยทั้งเรื่องผิวชุ่มชื้น ผิวกระจ่างใส ตอบโจทย์คนที่มีผิวอ่อนแอได้ดี ใครที่อยากเริ่มต้นดูแลผิว คิดว่าเริ่มจากตัวนี้ก่อนก็ได้ค่ะ